โรคหัวใจ
มารู้จักค่าความดันโลหิต และการวัดความดันโลหิตที่ถูกต้องกันเถอะ
- รายละเอียด
- โดย พญ. นิธิมา รัตนสิทธิ์
- จำนวนเข้าชม: 4804
โรคความดันโลหิตสูง (hypertension) เป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งการเสียชีวิต ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ และมักตรวจพบจากการตรวจเช็คสุขภาพ หรือตรวจพบโดยบังเอิญเมื่อเข้ารับการรักษาโรคอื่น ทั้งนี้โดยทั่วไป บุคคลมักจะมีความคุ้นเคยกับโรคความดันโลหิตสูงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น ตัวเอง หรืออาจมีคนใกล้ตัวเป็นโรคนี้ นำไปสู่ความเครียด ความกังวลเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง ภาวะแทรกซ้อน รวมถึงการรักษาและการปฏิบัติตัว บางคนมีความสนใจในโรคความดันโลหิตสูงด้วยเหตุผลต่าง ๆ นำไปสู่การจัดหาเครื่องวัดความดันโลหิตมาใช้บ้าน เพื่อใช้ติดตามความดันโลหิตของตนเอง หรือบุคคลในครอบครัว ดังนั้นเราควรจะมีความรู้เบื้องต้นในการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง เพื่อประโยชน์ในการดูแลตนเอง และลดความกังวลที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ก่อนอื่นเราควรมาทำความรู้จักค่าความดันโลหิต (blood pressure) กันก่อน ค่าความดันโลหิต ประกอบด้วยตัวเลข 2 ค่า มีหน่วยเป็น มิลลิเมตรปรอท
ยกตัวอย่างเช่น ค่าความดันโลหิต 120/80 มิลลิเมตรปรอท
- ตัวเลข 120 คือค่าความดันโลหิตตัวบน หรือค่าความดันโลหิตในช่วงหัวใจบีบตัว หรือค่าความดันโลหิตในช่วงซีสโตลี (systolic blood pressure)
- ตัวเลข 80 คือค่าความดันโลหิตตัวล่าง หรือค่าความดันโลหิตในช่วงหัวใจคลายตัว หรือค่าความดันโลหิตในช่วงไดแอสโตลี (diastolic blood pressure)
ก่อนที่จะวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง ควรให้ความสำคัญกับการวัดความดันโลหิตที่ถูกต้องก่อน เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการแปลผล หรือการวินิจฉัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เลือกใช้เครื่องมือในการวัดความดันโลหิตที่ได้มาตรฐาน ในปัจจุบันมีเครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติหลายแบบ ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ค่าที่ได้จากการวัดโดยใช้เครื่องวัดความดันโลหิตแบบอัตโนมัติ ส่วนใหญ่ประกอบด้วย 3 ค่า ได้แก่
- ค่าความดันโลหิตตัวบน
- ค่าความดันโลหิตตัวล่าง
- ค่าอัตราการเต้นของหัวใจ หรือชีพจร ใน 1 นาที
- การวัดความดันโลหิต ให้ทำในท่านั่ง หลังพิงพนักเก้าอี้ หลังจากได้พักแล้วอย่างน้อย 5 นาที
- การวัดความดันโลหิต ให้วัดในห้องที่เงียบ
- การวัดความดันโลหิต ให้วัดในขณะที่สภาพร่างกายและจิตใจอยู่ในภาวะปกติ ยกตัวอย่างเช่น ควรวัดความดันโลหิตในขณะที่ไม่เหนื่อย ไม่เครียด ไม่โกรธ ไม่อดนอน ไม่หิว ไม่ปวดศรีษะ ไม่ได้เพิ่งดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง หรือสารกระตุ้น เป็นต้น
- ควรวัดความดันโลหิตอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยห่างกัน 1-2 นาที
- ควรวัดความดันโลหิตในตอนเช้า หรือ ตอนเย็น
คำถามต่อมาคือ เราควรจะวัดความดันโลหิตบ่อยแค่ไหน เพื่อเป็นการคัดกรองโรคความดันโลหิต ให้พิจารณาตามค่าความดันโลหิตพื้นฐาน โดยมีคำแนะนำ ดังนี้
- บุคคลที่สุขภาพแข็งแรง และที่มีความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ น้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท แนะนำให้ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยทุก 5 ปี
- บุคคลที่มีค่าความดันโลหิตอยู่ในช่วง 120-129/80-84 มิลลิเมตรปรอท แนะนำให้ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยทุก 3 ปี
- บุคคลที่มีค่าความดันโลหิตค่อนข้างสูง กล่าวคือ อยู่ในช่วง 130-139/85-89 มิลลิเมตรปรอท แนะนำให้ตรวจวัดความดันโลหิตอย่างน้อยทุกปี
ผลงานโดย
พญ. นิธิมา รัตนสิทธิ์